10 วิธีใช้น้ำในสวนอย่างชาญฉลาดช่วยชาติ ประหยัดน้ำ
การ ประหยัดน้ำ ที่ทุกคนสามารถทำได้ แต่ยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แล้วสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันเรียกว่าการช่วยประหยัดน้ำได้หรือเปล่า คอลัมน์ “ลงสวน” ฉบับนี้ขอรวบรวม 10 วิธีช่วยชาติประหยัดน้ำ ซึ่งสอดรับกับสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปัจจุปัน เพราะน้ำคือสิ่งสำคัญที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตบนโลกใบนี้ ลองมาดูวิธีดีๆ ที่นำมาฝากกันดีกว่าครับ
1. ลดจำนวนครั้งในการรดน้ำต้นไม้ จากวันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น ลดเหลือ แค่ครั้งเดียว แต่ใช้เวลานานกว่าเดิม โดยเฉพาะช่วงเช้าที่ยังมีแสงแดดอ่อนๆ ประมาณ 6.00 น. – 8.00 น. และช่วงเย็นก่อน 18.00 น. อากาศที่เย็นลงจะช่วยสะสมความชื้นในดินให้ยาวนานมากขึ้น หรือรดวันเว้นวันก็ได้
2. ปลูกหญ้าอย่างเหมาะสมหรือทำอย่างอื่นทดแทนสนามหญ้า เนื่องจากสนามหญ้าต้องใช้น้ำเพื่อให้หญ้าเจริญเติบโต เมื่อเทียบแล้วอาจใช้น้ำมากกว่าการปลูกพืชคลุมดินด้วยซ้ำ
3. เลือกปลูกต้นไม้ที่ไม่ชอบน้ำ ทนแล้ง เช่น ไม้ใหญ่ : สัก หูกระจง ปาล์ม ไผ่ ยางนา พะยอม ไม้พุ่ม : ชาฮกเกี้ยน ผกากรอง นีออน บุษบาริมทาง ไม้เลื้อย : เฟื่องฟ้า อัญชัน พวงชมพู ไม้กระถาง : สับปะรดสี กระบองเพชร กุหลาบหิน
4. ปลูกต้น ไม้ในภาชนะหรือกระถางที่มีจานรองที่ช่วยกักเก็บน้ำเพื่อให้พืชค่อยๆ ดูดซับน้ำจากส่วนนี้ไปใช้หล่อเลี้ยงระบบราก
5. ใช้ไม้กวาดหรือเครื่องเป่าเศษใบไม้ตามทางเดินแทนวิธีการฉีดน้ำล้างเพื่อไม่ทำให้สิ้นเปลือง
6. ล้างรถบนสนามหญ้าด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ใช้น้ำครั้งเดียวได้ประโยชน์ทั้งสองทาง
7. เปลี่ยนมารดน้ำต้นไม้โดยวิธีใช้น้ำน้อยแต่สวนได้ความชุ่มชื้น ด้วยการให้น้ำแบบระบบหยด (Drip Irrigation) หรือใช้เครื่องฉีดน้ำแบบพ่นฝอย (Micro Sprinklers)
8. รองน้ำฝนใส่โอ่งหรือภาชนะกักเก็บน้ำขนาดใหญ่หลายๆ ใบ เป็นระบบการประหยัดน้ำแบบเรียบง่ายของคนโบราณที่ทำให้คุณมีน้ำใช้ไปอีกหลายเดือน
9. ลดการระเหยของน้ำจากดินตามแปลงปลูกต้นไม้ด้วยวัสดุคลุมดินชนิดต่างๆ เช่น พลาสติก ฟาง กาบมะพร้าวสับ กระดาษหนังสือพิมพ์ เศษใบไม้ ส่วนไม้กระถางใช้ หินฟองน้ำ ขุยมะพร้าว เปลือกสน เม็ดดินเผา ช่วยกักเก็บความชื้นในดินเป็นอย่างดี
10. น้ำที่เหลือใช้จากกิจกรรมอาบน้ำ ซักผ้า ล้างจาน และล้างรถ สามารถนำมาใช้รดน้ำต้นไม้ต่อได้ โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ แต่บางชนิดอาจเปราะบางต่อความเป็นกรดเป็นด่าง ควรพักน้ำทิ้งไว้ 1 คืน หรือเติมน้ำให้เจือจางก่อนนำไปรดต้นไม้
ขอขอบคุณบทความดีดีจาก นิตยสาร บ้านและสวน คอลัมน์ ลงสวน
No comments:
Post a Comment