รีวิว Surface Pro 3 แท็บเล็ตที่เกิดมาเพื่อแทนที่โน้ตบุ๊ค!

เมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางทีมงานมีโอกาสได้ไปร่วมงานแท็บเล็ตเรือธงสาย Windows ของไมโครซอฟท์ คือ Microsoft Surface Pro 3 ที่ เปิดตัว ยิ่งใหญ่ใจกลางเมือง

ซึ่งส่วนตัวผมเองที่งานนี้ก็ได้ทดลองเล่น และฟังข้อมูลที่ทางผู้บริหาร Microsoft เหลาให้ฟังบนเวที บอกตรงๆ ฟังแล้วอยากได้มาไว้ครอบครองซักเครื่องจริงๆ ครับ รวมไปถึงเรื่องการออกแบบของ Surface Pro 3 รุ่นใหม่นี้ ที่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิม แต่เพิ่มความสามารถใหม่ของ Kickstand หรือขาตั้งที่ด้านหลังให้สามารถกางเท่าไหร่ก็ได้ ยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้ผมเองเซอร์เฟสรุ่นใหม่นี้เข้าไปอีก

วันนี้เป็นโอกาสดี ทางไมโครซอฟท์ส่งเครื่องมาให้ทางทีมงาน MThai Technology ได้รีวิว เรามาลองดูกันครับว่า Surface Pro 3 นี้ พอได้มาลองใช้จริงแล้ว จะน่าสนใจขนาดไหน

Design การออกแบบ

เรามาเริ่มรีวิวกันที่การแกะกล่อง Surface Pro 3 เลยครับ ซึ่งเจ้านี่ถูกบรรจุอยู่ในกล่องกระดาษรูปทรงสวยหรูแบบนี้เลยครับ

เมื่อเปิดกล่องออกมาก็จะเจอตัวเครื่องนอนอย่างสงบอยู่ภายในดังภาพ

ส่วนคีย์บอร์ดที่เห็นนั้น น่าเสียดายที่ไม่ได้แถม ต้องซื้อเพิ่มนะครับ

ซึ่งรุ่นที่ผมได้มารีวิวนี้ เป็น Surface Pro 3 รุ่น CPU Intel Core i5, หน่วยความจำภายใน 128GB และ RAM 4GB เรียกได้ว่าถ้าเป็นโน้ตบุ๊ค ก็ถือว่าเป็นรุ่นที่มีขุมพลังเหลือเฟือในการพกพาไปทำงานนอกสถานที่สบาย

ใต้เครื่องจะมีคู่มือ และปากกาสไตล์ลัสสุดเจ๋ง ที่มีความสามารถพิเศษมากมาย แต่จะทำอะไรได้บ้างนั้น ไว้เรามาลองใช้กันในส่วนถัดไปครับ

ต่อไปเรามาดูกันต่อที่พระเอกของเรา ตัวเครื่อง Microsoft Surface Pro 3 ครับ

Surface Pro 3 มาพร้อมหน้าจอขนาด 12 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 2160×1440 พิกเซล หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า หน้าจอความละเอียดระดับ 2K นั่นแหละครับ ทำให้การแสดงผลค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับ Surface รุ่นก่อนๆ รวมไปถึงเมื่อเทียบกับหน้าจอ Retina Display ของทางฝั่ง Apple ก็ต้องบอกว่า การแสดงผลถือว่าทำได้ดีใกล้เคียงกันเลยฮะ

โดยชนิดของหน้าจอเป็นจอ IPS ที่ให้สีสันสดใส ใกล้เคียงกับสีจริงมาก

ซึ่งความละเอียดที่มากขึ้นนี้ จริงอยู่ว่ามันทำให้คอนเทนต์ต่างๆ ดูสวยงาม และเนียนตาขึ้น แต่เนื่องด้วยโปรแกรมบางตัวบนระบบปฏิบัติการ Windows นี้ นักพัฒนายังไม่ทำการอัพเดตโปรแกรมให้รองรับกับหน้าจอความละเอียดสูงแบบนี้ ทำให้การแสดงผลในบางโปรแกรมยังเจอปัญหาตัวอักษรเล็ก มองลำบากบ้างในบางครั้ง

ดีไซน์โดยรวม ต้องบอกว่ายังคงคอนเซ็ปต์ และกลิ่นอายการออกแบบของ Surface รุ่นก่อนๆ ไว้อย่างเต็มรูปแบบ แถมหน้าจอยังใหญ่ขึ้นด้วย

และแม้ว่าหน้าจอจะใหญ่ขึ้น แต่ตัวเครื่องของ Surface Pro 3 รุ่นใหม่นี้ มีขนาดเครื่องที่เล็กลงนะครับ โดยตัวเครื่องมีความบางเพียง 9.1 มิลลิเมตร น้ำหนักประมาณ 800 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นขนาดที่เบามากนะครับ สำหรับแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 12 นิ้วแบบนี้

ปุ่มโฮมรูปโลโก้ Windows ก็ยังมีอยู่เช่นเคยนะครับ ซึ่่งปุ่มนี้ใช้สำหรับกลับมาที่หน้า Start หลัก และกลับไปที่แอพก่อนหน้านั่นเอง

ด้านกล้องถ่ายภาพ กล้องหน้าของรุ่นนี้ มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ใช้ได้ทั้งสำหรับการถ่ายภาพ selfie หรือสนทนา video call ผ่านโปรแกรมต่างๆ

ส่วนกล้องหลังก็มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพความละเอียด 5 ล้านพิกเซลเช่นเดียวกัน แถมยังมีไมโครโฟนแบบสเตอริโอเพื่อบันทึกเสียง

ทางด้านขวาของตัวเครื่อง จะมีพอร์ทต่างๆ ครับ ประกอบไปด้วยพอร์ทสำหรับเสียบสายชาร์จ, USB 3.0 และ mini HDMI

ด้านซ้ายมีช่องสำหรับเสียบหูฟัง 3.5 มม.ครับ ถัดลงมาจะเป็นปุ่ม volume control สำหรับปรับระดับเสียง

ส่วนรูดำๆ หลายรูรอบเครื่องนั้น จะเป็นรูระบายอากาศนะครับ และที่ด้านบน ปุ่มนี้จะเป็นปุ่ม Power สำหรับเปิด/ปิดเครื่อง และการพักหน้าจอ (sleep) นั่นเอง

ที่ด้านล่างจะมีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับ Type Cover นะครับ

ที่ด้านหลังก็จะโล่งๆ แบบนี้เลยครับ ซึ่งวัสดุ และงานประกอบของ Surface Pro 3 ต้องยอมรับเลยครับว่าพรีเมี่ยมมากๆ โดยใช้วัสดุเป็นโลหะเกือบทั้งตัว

เมื่อเปิด Kickstand ขึ้นจะเจอกับโลโก้ และเวอร์ชั่นของเครื่องอยู่ด้านในครับ

จุดเด่นที่สำคัญของ Surface Pro 3 นี้ก็คือ Kickstand หรือขาตั้งที่มากับตัวเครื่อนี่แหละครับ ที่ให้ทั้งความสะดวก ทำให้สามารถตั้งเครื่องใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องซื้อที่ตั้งเพิ่มเลย

แถมบนในเวอร์ชั่นใหม่นี้ เราสามารถปรับองศาของ Kickstand ได้มากถึง 150 องศา โดยที่ขาตั้งจะมีความหนืดที่น่าประทับใจทีเดียว

จะตั้งในองศาตามภาพด้านบนเพื่อชมคลิปวีดีโอ ยูทูป หรือคอนเท็นต์อื่นๆ ก็ทำได้แจ๋ว

หรือจะเอนเครื่องลงไปให้สุดๆ เลย เพื่อให้รับกับวางมือพิมพ์ข้อความบนหน้าก็ทำได้ง่าย

บริเวณขาตั้งมีความแข็งแรงใช้ได้เลยครับ

ต่อไปลองมาดูในส่วนของอุปกรณ์เสริมที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างกันครับ นั่นก็คือ Type Cover

การเชื่อมต่อระหว่างแท็บเล็ต กับคีย์บอร์ดสามารถทำได้ง่ายมากครับ แค่เพียงจับคีย์บอร์ดโดยให้ส่วนเชื่อมต่อเข้าไปใกล้ๆ กับตัวเครื่อง เท่านี้แม่เหล็กก็จะดูดให้อุปกรณ์ทั้งสองติดกันทันที แถมยังไม่หลุดง่ายๆ อีกด้วย

โดยเมื่อติดคีย์บอร์ดเข้าไปแล้ว Pro 3 ของเราก็จะแปลงร่างเป็นโน้ตบุ๊คทันที

มี Touch Pad สำหรับใช้งานเป็นเมาท์ได้ แถมยังสามารถคลิ๊กที่มุมด้านล่างเหมือนกับการใช้โน้ตบุ๊คได้ด้วย

ตัวคีย์บอร์ดต้องถือว่าเป็นขนาดมาตรฐาน แถมจากที่ลองใช้งาน ปุ่มบน Type Cover นี้ กดง่ายกว่ารุ่นก่อนอีกครับ

ดูหน้าตาคีย์บอร์ดชัดๆ อีกมุม

การออกแบบของ Type Cover นี้ยังมีอีกจุดที่น่าสนใจครับ เพราะเราสามารถพับคีย์บอร์ดได้อีกหนึ่งสเต็ป เพื่อให้ตัวแป้นพิมพ์มีความลาดเอียง รองรับการการวางมือเวลาพิมพ์ได้อย่างชาญฉลาด

พิมพ์ได้ถนัดมากขึ้นเมื่อแป้นพิมพ์เอียงลงแบบนี้

พก Surface Pro 3 ตัวเดียว เหมือนกับได้แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊คในตัวเดียวกัน

อ้อ เกือบลืมบอกไปว่า touchpad บนคีย์บอร์ดนี้รองรับ multi-touch สามารถใช้สองนิ้วเพื่อควบคุมได้เหมือนกับโน้ตบุ๊คด้วย

ต่อไปเราลองมาดูในส่วนของปากกาสไตลัสที่ให้มา หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการ Surface Pen นั่นเอง

ปากกา Surface Pen มีขนาดที่ใกล้เคียงกับปากกาจริงๆ ทำให้เวลาใช้งานเราได้ฟิลลิ่งที่ใกล้เคียงกับการจับปากกาจริงๆ เขียนเลย ซึ่งปากกามีความยาว 13.5 ซม. เส็นผ่านศูนย์กลาง 0.95 ซม. แถมการออกแบบยังเหมือนกับปากกาลูกลื่น สวยหรูดูดีใช้ได้

Surface Pen ถูกออกแบบให้รองรับการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างหลากหลายครับ เช่น เมื่อเรากดปุ่มสีม่วงที่ปากกา (เหมือนเรากดปากกาให้หัวปากกาออกมา) ตัว Surface ก็จะเปิดโปรแกรม OneNote ขึ้นมาให้เราทันที เป็นต้น หรือจะใช้ปากกาเป็นปุ่มสำหรับถ่ายภาพก็ได้

สามารถเปิดโปรแกรม OneNote ได้ง่ายๆ โดยการกดปุ่มที่ด้านบน จากนั้นก็สามารถจดบันทึก หรือวาดภาพได้ทันที

ปากกา Surface Pen ใช้แบตเตอรี่ขนาด AAAA เพียงก้อนเดียว

Performance การใช้งาน

Microsoft Surface Pro 3 มาพร้อมกับสเปคดังนี้ (ข้อมูลจาก microsoft.com)

จากตารางสเปคด้านบน จะเห็นว่า Surface Pro 3 มีหลายรุ่นให้เลือก โดยแต่ละรุ่นจะแตกต่างกันที่ชิปประมวลผล หน่วยความจำภายใน รวมไปถึง RAM (ทำให้มีราคาที่แตกต่างกันพอสมควรในแต่ละรุ่น ดูสรุปราคาได้ท้ายรีวิว)

ซึ่งในตัวที่เราได้มารีวิวนี้ จะเป็นรุ่น CPU Core i5, หน่วยความจำ 128GB และ RAM 4GB

ต่อไปผมลองทดสอบการพิมพ์ Surface Pro 3 ดูครับ ผลปรากฏว่าสามารถพิมพ์ได้ถนัดดี เพราะมีขนาดใกล้เคียงกับคีย์บอร์ดของโน้ตบุ๊ค แต่ปุ่มนั้นจะต้องออกแรงการกดมากกว่าซะเล็กน้อยนะครับ

จะวางพิมพ์บนตักก็ทำได้สะดวก

ตัวปากกา Surface Pen สามารถใช้ปุ่มที่อยู่บนปากกา เพื่อใช้งานแทนเมาท์ได้เลย

เราสามารถกดปุ่มบนปากกา จากนั้นก็ลากครอบจุดที่ต้องการ crop

จากนั้นภาพที่ crop ไว้ก็จะมาอยู่บน OneNote ทันที เรียกว่าสะดวกมากทีเดียว

จุดเด่นที่ทางไมโครซอฟท์เน้นย้ำมาตลอดบนแท็บเล็ตตระกูล Surface ก็คือสามารถเปิดใช้งานได้พร้อมกันสองหน้าต่างครับ (ซึ่งชอบแซว iPad บ่อยๆ ด้วยว่าทำไม่ได้) ทำให้ผมสามารถเช็คอีเมลไปพร้อมกับการท่องเว็บ หรือเล่นเฟสบุ๊คได้เลย

สามารถย่อ หรือขยายหน้าต่างได้ตามต้องการ

ด้านความบันเทิง Surface Pro 3 รองรับการเล่นเกมที่มีกราฟฟิก 3D ได้อย่างลื่นไหลครับ แต่ต้องเป็นเกมที่ไม่ต้องประมวลกราฟฟิกระดับสูงมากนะครับ

ยกตัวอย่างเป็นเกมแข่งรถชื่อดังที่ไม่มีใครไม่รู้จักอย่าง Asphalt 8 และเกมแอ็คชั่นอย่าง Dungeon Hunter ก็สามารถเล่นได้ลื่นไหลดีมาก แถมสำหรับเกม Asphalt 8 เราสามารถใช้คีย์บอร์ดควบคุมรถได้ด้วย ส่วนตัวผมว่าถนัดกว่าเล่นด้วยปุ่มทัชสกรีนบนหน้าจอนะ

สามารถโหลดแอพ หรือเกมสนุกๆ ใน Store ได้เลย

ด้วยหน้าจอความละเอียดระดับ 2K ทำให้การดู YouTube แบบ FullHD หรือคอนเท็นต์อื่นๆ ได้อรรถรส คมชัดเต็มตามากขึ้น

ข้อดี และความสะดวกของแท็บเล็ต Windows ก็คือ สามารถเสียบแฟลชไดรฟ์เพื่อโอนถ่ายข้อมูลได้เลยครับ ไม่ต้องใช้ตัวแปลงใดๆ เหมือนกับแท็บเล็ต Android หรือ iPad

ตกแต่งภาพง่ายๆ อย่างรวดเร็วด้วย Adobe Photoshop Express ที่สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ทาง Store

Words, Excel, และ Power Point สามโปรแกรมหลักสำหรับคนทำงานที่ต้องใช้อยู่เป็นประจำ ก็มีให้ใช้บน Surface Pro 3 ครับ สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ เหมือนกับนั่งทำงานหน้าคอมเลย

Conclusion สรุป

จากที่ได้ทดลองใช้มาประมาณ 1 สัปดาห์นะครับ ด้านคุณสมบัติ ทั้งทางด้านสเปคเครื่อง, ขนาด, การออกแบบ, วัสดุ และอื่นๆ ต้องบอกว่าไมโครซอฟท์จัดเต็มจริงๆ ครับ ถือว่าเป็นเป็นแท็บเล็ต Windows ที่ดีที่สุดเครื่องหนึ่งเลยทีเดียว เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องทำงานนอกสถานที่เป็นประจำ และต้องการอุปกรณ์สำหรับการทำงาน ที่มาพร้อมกับซอฟท์แวร์ Office ที่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทุกฟังค์ชั่น ไม่เหมือนกับบน Android หรือ iPad ที่การใช้งานยังต้องใช้คำว่า “พอใช้ได้”

ด้านแบตเตอรี่จากที่ทดลองใช้งานจริงต่อเนื่อง ประมาณ 6-7 ชม. แบตเตอรี่ก็ยังไม่หมด ยังเหลือพอให้ใช้งานได้อยู่ ดังนั้นตามที่ไมโครซอฟท์เครมว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 9 ชั่วโมงก็น่าจะเป็นไปได้จริง! สำหรับการใช้งานทั่วไป

ส่วนจุดสังเกตที่อาจทำให้หลายคนอาจมีสะดุดได้ ก็คือเรื่อง “ราคา” ครับ เพราะ Surface Pro 3 รุ่นล่างสุด CPU Core i3 หน่วยความจำ 64GB เปิดราคามาที่ 29,500 บาท แถมราคานี้ยังไม่ได้คีย์บอร์ด Type Cover นะครับ (ต้องซื้อเพิ่ม ราคา 4,490 บาท) ส่วนรุ่นท็อป Core i7 นั้นมีราคาสูงถึง 69,900 บาท จึงอาจทำให้กลุ่มผู้ซื้อที่มีงบประมาณจำกัด อาจต้องคิดเยอะซักหน่อย

แต่ถ้าตัดเรื่องงบประมาณออกไป Surface Pro 3 ก็ถือว่าเป็นแท็บเล็ตที่น่าใช้มากทีเดียวครับ ด้วยดีไซน์ที่ลงตัว มาพร้อมปากกาที่ใช้งานแทนเมาท์ได้ และ Type Cover ที่ออกแบบใหม่ ใช้งานสะดวก สมกับคำว่า “แท็บเล็ตที่เกิดมาเพื่อแทนที่โน้ตบุ๊ค” จริงๆ

ราคา Surface Pro 3 (ทุกรุ่นมาพร้อมปากกา Surface Pen)

Intel Core i3 / 64GB 29,500 บาท Intel Core i5 / 128GB 35,500 บาท Intel Core i5 / 256GB 44,500 บาท Intel Core i7 / 256GB 53,900 บาท Intel Core i7 / 512GB 69,900 บาท

คีย์บอร์ด Surface Pro Type Cover ราคา 4,490 บาท

Link Source : https://tech.mthai.com/review/42053.html

, Different Microsoft Surface, Surface Pro 4, Surface Pro, Surface Pro 3, Surface Pro 2, Surface 3, Surface Book, Feedback, surface pro 3, microsoft surface pro 3 i5, surface pro 3 specs, surface pro 3 price, surface pro 3 i7, surface pro 3 i7 specs, surface pro 3 review, surface pro 3 cũ, surface pro 4